Monday, August 1, 2011

ความโปรดปราน / Favour

ข้าแต่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงอำนวยพระพรแก่คนชอบธรรมพระองค์ทรงคุ้มครองเขาไว้ด้วยความโปรดปรานประดุจเป็นโล่ป้องกันเขา
สดุดี 5:12

พระองค์ทรงเตรียมสำรับให้ข้าพระองค์
ต่อหน้าต่อตาศัตรูของข้าพระองค์
พระองค์ทรงเจิมศีรษะข้าพระองค์ด้วยน้ำมัน
ขันน้ำของข้าพระองค์ก็ล้นอยู่
แน่ทีเดียวที่ความดีและความรักมั่นคง จะติดตามข้าพเจ้าไป
ตลอดวันคืนชีวิตของข้าพเจ้า
และข้าพเจ้าจะอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าสืบไปเป็นนิตย์
สดุดี 23:5-6


เพราะพระพิโรธของพระองค์นั้นเป็นแต่ชั่วขณะหนึ่ง
และความโปรดปรานของพระองค์นั้นตลอดชีวิต
การร้องไห้อาจจะอ้อยอิ่งอยู่สักคืนหนึ่ง
แต่ความชื่นบานจะมาเวลาเช้า
สดุดี 30:5

มนุษย์เป็นผู้ใดเล่าซึ่งพระองค์ทรงระลึกถึงเขา
และบุตรของมนุษย์เป็นใครเล่า ซึ่งพระองค์ทรงเยี่ยมเขา
เพราะพระองค์ทรงสร้างเขาให้ต่ำกว่าพระเจ้าแต่หน่อยเดียว
พระองค์ทรงมอบอำนาจให้ครอบครองบรรดาพระหัตถกิจของพระองค์ พระองค์ทรงให้สิ่งทั้งปวงอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาและสวมศักดิ์ศรีกับเกียรติให้แก่เขา
สดุดี 8:4-6

ผู้ทรงไถ่ชีวิตของท่านมาจากปากแดนผู้ตาย
ผู้ทรงสวมความรักมั่นคงและพระกรุณาให้ท่าน
ผู้ทรงให้ท่านอิ่มด้วยของดี ตลอดชีวิตของท่าน
วัยหนุ่มของท่านจึงกลับคืนมาใหม่อย่างวัยนกอินทรี
สดุดี 103:4-5

พระเจ้าตรัสว่า เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า
เยเรมีย์ 29:11

จงทูลเรา และเราจะตอบเจ้า และจะบอกสิ่งที่ใหญ่ยิ่งและที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเจ้าไม่รู้นั้นให้แก่เจ้า
เยเรมีย์ 33:3

นายก็เห็นว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ และพระเจ้าทรงโปรดให้การงานทุกอย่างที่กระทำเจริญขึ้นมากในมือของโยเซฟ โยเซฟรับใช้ถูกใจนาย นายก็ตั้งให้เป็นผู้ดูแลการงานในบ้าน และมอบทรัพย์สิ่งของทั้งปวงไว้ในความดูแลของโยเซฟทั้งสิ้น
ปฐมกาล 39:3-4

แต่ของประทานแห่งพระคุณนั้นหาเป็นเช่นความละเมิดนั้นไม่ เพราะว่าถ้าคนเป็นอันมากต้องตายเพราะการละเมิดของคนๆเดียว มากยิ่งกว่านั้น พระคุณของพระเจ้าและของประทานโดยพระคุณของพระองค์ผู้เดียวนั้น คือพระเยซูคริสต์ ก็มีบริบูรณ์แก่คนเป็นอันมาก
โรม 5:15

เพราะว่าบาปจะครอบงำท่านทั้งหลายต่อไปก็หามิได้ เพราะว่าท่านทั้งหลายมิได้อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณ
โรม 6:14

เพราะว่าถ้าโดยการละเมิดของคนนั้นคนเดียว เป็นเหตุให้ความตายครอบงำอยู่โดยคนนั้นคนเดียว มากยิ่งกว่านั้นคนทั้งหลายที่รับพระกรุณาอันไพบูลย์ และรับของประทานคือความชอบธรรมก็จะดำรงชีวิต และครอบครองโดยพระองค์ผู้เดียว คือพระเยซูคริสต์
โรม 5:17

ขอพระเจ้าทรงให้พระพักตร์ของพระองค์ทอแสงแก่ท่าน และทรงพระกรุณาท่าน ขอพระเจ้าทรงเงยพระพักตร์ของพระองค์เหนือท่าน และประทานสวัสดิภาพแก่ท่าน
กันดารวิถี 6:25-26

พระองค์ทรงประสาทชีวิตและความรักมั่นคงแก่ข้าพระองค์และความดูแลรักษาของพระองค์ได้สงวนจิตวิญญาณข้าพระองค์ไว้
โยบ 10:12

และพระเจ้าทรงฤทธิ์อาจประทานของดีทุกสิ่งอย่างอุดมแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียงพอสำหรับตัวเสมอ ทั้งจะมีสิ่งของบริบูรณ์สำหรับงานที่ดีทุกอย่างด้วย
2โครินธ์ 9:8

เพราะท่านทั้งหลายรู้จักพระคุณของพระเยซูคริสตเจ้าของเราแล้วว่า แม้พระองค์มั่งคั่ง พระองค์ก็ยังทรงยอมเป็นคนยากจน เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนมั่งมี เนื่องจากความยากจนของพระองค์
2โครินธ์ 8:9

สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา ผู้ทรงโปรดประทานพระพรฝ่ายวิญญาณแก่เรานานาประการ ในสวรรคสถานโดยพระคริสต์
เอเฟซัส 1:3

ในพระเยซูนั้น เราได้รับการไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระองค์ คือได้รับการอภัยโทษบาป  ของเราโดยพระกรุณาอันอุดมของพระองค์ ซึ่งได้ทรงประทานแก่เราอย่างเหลือล้น ให้มีปัญญาสุขุมและมีความเข้าใจ
เอเฟซัส 1:7-8

แต่พระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้น ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ) และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรคสถานกับพระเยซูคริสต์
เอเฟซัส 2:4-6

ฉะนั้นขอให้เราทั้งหลาย จงมีใจกล้าเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณ เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะได้รับพระคุณที่จะช่วยเราในขณะที่ต้องการ
ฮีบรู 4:16

แต่เมื่อพระเมตตาและความรักของพระเจ้า ผู้ทรงช่วยเราทั้งหลายให้รอด ได้ปรากฏในโลกแล้ว พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้รอด มิใช่ด้วยการกระทำที่ชอบธรรมของเราเอง แต่พระองค์ทรงพระกรุณาชำระให้เรามีใจบังเกิดใหม่ และทรงสร้างเราขึ้นมาใหม่ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์นั้นได้ทรงประทานแก่เราทั้งหลายอย่างบริบูรณ์ โดยพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมแล้วโดยพระคุณของพระองค์ และจะได้เป็นผู้ได้รับมรดกที่มุ่งหวังคือชีวิตนิรันดร์
ทิตัส 3:4-7



ความเชื่อ / Faith

ความเชื่อของท่านมิได้ลดน้อยลงเลย เมื่อท่านพิจารณาดูสังขารของท่าน ซึ่งเปรียบเหมือนตายไปแล้ว เพราะท่านมีอายุประมาณร้อยปีแล้ว และเมื่อคำนึงถึงครรภ์ของนางซาราห์ว่าเป็นหมัน ท่านมิได้หวั่นไหวแคลงใจในพระสัญญาของพระเจ้า แต่ท่านมีความเชื่อมั่นคงยิ่งขึ้น จึงถวายเกียรติแด่พระเจ้า ท่านเชื่อมั่นว่า พระเจ้าทรงฤทธิ์ อาจกระทำให้สำเร็จได้ตามที่พระองค์ตรัสสัญญาไว้
โรม 4:19-21

ขอให้เรายึดมั่นในความหวังที่เราทั้งหลายเชื่อและรับไว้นั้น โดยไม่หวั่นไหว เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงประทานพระสัญญานั้นทรงสัตย์ซื่อ
ฮีบรู 10: 23

เพราะนางซาราห์มีความเชื่อ นางจึงได้รับพลังตั้งครรภ์เมื่อชรามากแล้ว เพราะนางถือว่าพระองค์ผู้ได้ทรงประทานพระสัญญานั้นทรงเป็นผู้สัตย์ซื่อ
ฮีบรู 11:11

ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า 
สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง
ฮีบรู 11:1

 และข้าพเจ้าจะกล่าวอะไรต่อไปอีกเล่า เพราะไม่มีเวลาพอที่จะกล่าวถึง กิเดโอน บาราค แซมสัน เยฟธาห์ ดาวิด และซามูเอล และผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย เพราะความเชื่อท่านเหล่านั้นจึงได้มีชัยเหนือดินแดนต่างๆ ได้ตั้งระบบความยุติธรรม ได้รับผลของพระสัญญา ได้ปิดปากสิงห์ ได้ดับไฟที่ไหม้อย่างรุนแรง ได้พ้นจากคมดาบ ความอ่อนแอของท่านก็กลับเป็นความเข้มแข็ง มีกำลังความสามารถในการทำสงคราม ได้ตีกองทัพประเทศอื่นๆ แตกพ่ายไป
ฮีบรู 11:32-34

คำของเราซึ่งออกไปจากปากของเรา
จะไม่กลับมาสู่เราเปล่า แต่จะสัมฤทธิ์ผลซึ่งเรามุ่งหมายไว้
และให้สิ่งซึ่งเราใช้ไปทำนั้นจำเริญขึ้นฉันนั้น
อิสยาห์ 55:11

พระเจ้ามิใช่มนุษย์จึงมิได้มุสา
และมิได้เป็นบุตรของมนุษย์จึงไม่ต้องกลับใจ
ที่พระองค์ตรัสไปแล้ว พระองค์ก็จะมิทรงกระทำตามหรือ
ที่พระองค์ทรงลั่นวาจาแล้ว จะไม่ทรงกระทำให้สำเร็จหรือ
กันดารวิถี 23:19

สาธุการแด่พระเจ้า ผู้ทรงพระราชทานการหยุดพักแก่อิสราเอลประชากร
ของพระองค์ ตามซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้ทุกประการ พระสัญญาอันดี
ทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงสัญญาทางโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์
นั้นไม่ล้มเหลวสักคำเดียว
1 พงศ์กษัตริย์ 8:56

เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดๆจะสั่งภูเขานี้ว่า จงลอยไปลงทะเล
และมิได้สงสัยในใจแต่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่สั่งนั้น ก็จะเป็นตามนั้นจริง
มาระโก 11:23

เหตุฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า ขณะเมื่อท่านจะอธิษฐานพระเจ้าขอ
สิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ และท่านจะได้รับสิ่งนั้น
มาระโก 11:24

เพราะเราดำเนินโดยความเชื่อ มิใช่ตามที่ตามองเห็น
2โครินธ์ 5:7

เพราะว่าในพระเยซูคริสต์นั้น การที่รับพิธีเข้าสุหนัตหรือไม่รับก็หาเกิด
ประโยชน์อันใดไม่ แต่ความเชื่อซึ่งแสดงออกเป็นกิจที่ทำด้วยความรัก
นั้นสำคัญ
กาลาเทีย 5:6

ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เราได้ให้เจ้าเป็นบิดาของมวล
ประชาชาติ ต่อพระพักตร์พระองค์ที่ท่านเชื่อ คือพระเจ้าผู้ทรงให้คนที่
ตายแล้วฟื้นชีวิตขึ้นมา และทรงเรียกสิ่งของที่ยังมิได้มี ให้มีขึ้น
โรม 4:17

พระเยซูคริสต์ยังทรงเหมือนเดิมในเวลาวานนี้ และเวลาวันนี้ และต่อๆไป
เป็นนิจกาล
ฮีบรู 13:8







Wednesday, March 23, 2011

ความหมายของการรับบัพติศมาในน้ำ

คำถาม: อะไรคือความสำคัญของการรับบัพติศมาของคริสเตียน? ตอบ: ตามพระคัมภีร์ การรับบัพติศมาของคริสเตียนเป็นการแสดงออกภายนอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในชีวิตของผู้เชื่อ การรับศีลบัพติศมาของคริสเตียน แสดงให้เห็นถึงการเข้าส่วนของคริสเตียนในการวายพระชนม์ของพระคริสต์, การฝัง และ การฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ พระคัมภีร์บอกว่า ท่านไม่รู้หรือว่า เราทั้งหลายที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับบัพติศมานั้นเข้าในความตายของพระองค์ เหตุฉะนั้นเราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้วโดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในความตายนั้น เหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยเดชพระรัศมีของพระบิดาอย่างไร เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น” (โรม 6:3-4) ในการเข้าพิธีบัพติศมาของคริสเตียน การจุ่มลงไปในน้ำจนมิดแสดงถึงการถูกฝังร่วมกับพระคริสต์ การขึ้นมาจากน้ำแสดงถึงการฟื้นคืนพระชนม์

ในการเข้าพิธีบัพติศมา ผู้เข้าพิธีควรมีคุณสมบัติสองอย่าง: (1) ผู้ที่จะเข้าพิธีบัพติศมาต้องเชื่อในพระเยซูคริสต์ว่าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขา, และ (2) เขาจะต้องเข้าใจว่าพิธีบัพติศมาเล็งถึงอะไร หากเขารู้จักพระเยซูคริสต์ว่าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด, เข้าใจว่าการเข้าพิธีบัพติศมาของคริสเตียนคือการก้าวออกไปด้วยความเชื่อฟัง เพื่อประกาศความเชื่อในพระคริสต์และแสดงความปรารถนาในการเข้าพิธีบัพติศมาของเขาต่อหน้าผู้คนและต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า





Wednesday, March 16, 2011

ในความอ่อนแอ - นั้นมีพลัง

 ใครๆก็ไม่สร้างบ้านไว้บนทรายใช่ไหมครับ? เพราะไม่มั่นคง
แต่หากทราย + กับซีเมนต์วันใดคุณก็จะได้เห็นความเข้มแข็งของทรายใช่ไหม? (เห็นตึกใหญ่ที่คุณเห็นไหมล่ะ?) อาจจะเป็นบ้านที่คุณอยู่ก็ได้

แต่เดี๋ยวก่อนนะ !!!... ทราย + กับซีเมนต์ แต่อย่าลืม + กับน้ำด้วยนะคร้บ
ทรายคือ เราผู้ไม่มั่นคง, ซีเมนต์คือ พระเจ้าผู้เข้มแข็ง, น้ำคือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ (ฤทธิ์เดช,...
ไฟ,พลัง)

พระเจ้าอวยพรทุกคนที่ได้อ่าน เอเมน
เอจิ

Tuesday, February 15, 2011

ที่มาของกาแฟ

มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทุกรู้จักกันดี ก็คือ เรื่องของ คาลดี้ (Kaldi) เด็กเลี้ยงแพะชาว อบิสซีเนีย (Abyssinia)ทวีปแอฟริกาตะวันออกตรงบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าประเทศ Ethiopia. เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1400
   เรื่องมีอยู่ว่า คาลดี้ สังเกตเห็น แพะของเขามีอาการร่าเริงผิดปกติหลังจากที่พวกมัน
ได้กินผลไม้สีแดง จากพุ่มไม้ที่ขึ้นอยู่ริมเชิงเขา เขาจึงได้ทดลองกินผลไม้
นั้นดูด้วยตัวเขาเอง ซึ่งเขาก็พบว่าทุกครั้งที่เขากินผลไม้สีแดงนั้น มันทำให้เขามีความสดชื่น และ กระปรี้กระเปร่าตลอดเวลา ด้วยความมหัศจรรย์ แห่งผลไม้สีแดงนี้ เป็นเหตุทำให้ชาวบ้านสนใจ และบอกกันปากต่อปากกันอย่างรวดเร็ว จนเรื่องทราบไปถึงบาทหลวงท่านหนึ่งซี่งอยู่ที่โบสถ์ใกล้เคียง บาทหลวงท่านนั้นก็ได้นำผลไม้สีแดงนั้นไปเผาไฟหวังเพื่อจะลดอำนาจของมัน แต่ในขณะที่ทำการเผาอยู่นั้นก็พบว่ามันกลับส่งกลิ่นหอมอย่างน่าประหลาดใจ บาทหลวงท่านนั้นจึง เอาผลไม้สีแดงที่ถูกเผาไฟจนไหม้นั้นมาทุบแล้วก็โยนมันทิ้งลงไปในน้ำ
เพื่อต้องการที่จะดับไฟ และเมื่อได้ลองดื่มน้ำนั้นดูก็รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และยังทำให้ท่านสามารถสวดมนต์ได้ตลอดทั้งคืนโดยไม่มีอาการง่วงนอนอีกด้วย นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้มนต์แห่งผลไม้สีแดงยังไม่เคยเสื่อมลงเลยแม้แต่น้อย กลับมีผู้คนมากว่าค่อนโลกที่หลงเสน่ห์ของมัน

ตามคำขอ

     ว่ากันว่า หากเปาบุ้นจี้สั่งประหารชีวิตใคร ก่อนจะตายจะได้รับอนุญาตให้ขอเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ศาลจัดการให้ตามที่ขอจน
สมหวังทุกครั้ง
เปาบุ้นจี้ : "เอาล่ะ เจ้าคอร์รับชั่น (โกง)มามาก สมควรที่จะตายแต่ก่อนตายข้าจะให้เจ้าขออะไร
อย่างหนึ่งเป็นครั้งสุดท้าย"
นักการเมือง :  "จริงรึ ! ท่านพูดแล้วอย่าคืนคำนะ"
เปาบุ้นจี้ : "ข้ารักษาสัจจะน่ะ"
นักการเมือง : ( ยิ้มๆอย่างมีเลศนัย ) "ถ้าอย่างนั้น สิ่งสุดท้ายที่ข้าจะขอคือ  ' ขอปล่อยตัวข้าเดี๋ยวนี้ ' ท่านห้ามคืนคำนะ " 
     ทุกคนในศาลเงียบกริบคิดไม่ถึงว่าจะเจอทีเด็ดของ
นักการเมืองกล้าเล่นมุกศรีธนญชัยกับท่านเปา
สายตาทุกคู่จ้องมองไปที่ท่านเปาว่าจะแก้
สถานการณ์อย่างไร
     ท่านเปาบุ้นจี้เอามือลูบหนวด ครุ่นคิดสักครู่  แล้วยกค้อนขึ้นทุบโต๊ะดังสนั่น พร้อมประกาศด้วยเสียงอันดังว่า " เจ้าหน้าที่ศาล ปล่อยตัวเขาไปเดี๋ยวนี้ ...แต่เก็บหัวไว้ "

Thursday, January 27, 2011

พระเจ้าสร้างคุณอย่างอัศจรรย์

- พระเจ้าสร้างลายนิ้วมือแต่ละคนแตกต่างกัน - - พระเจ้าสร้างคุณแตกต่างจากผู้อื่นฉันใด - และพระเจ้าก็สร้างผู้อื่นแตกต่างคุณฉันนั้น -

อ. เอ

คริสเตียนที่แท้จริง

คริสเตียนที่แท้จริงนั้นไม่ใช่นับถือศาสนาคริสต์ - แต่เชื่อในพระเยซูคริสต์ -
- และเป็นการมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระองค์
- ไม่ใช่เพียงรู้เรื่องราวของพระเยซูคริสต์หรือทำตามคำสอนของพระเจ้าเท่านั้น
                                                               - แต่ -
เป็นการ รู้จักกับพระองค์ พูดคุยกับพระองค์ หรือ อีกคำหนึ่งก็คือ สนิทกับพระองค์

ยอห์น 15: 1-16

Tuesday, January 25, 2011

ซาตาน - จะเอาชนะได้อย่างไร

มีเด็กสาวคนหนึ่งรักพระเจ้ามาก และมีชีวิตที่สามารถมีชัยต่อการ
ทดลองต่าง ๆ ได้ มีผู้สนใจอยากรู้ว่าเธอมีเคล็ดลับอะไร ก็มาถาม
เธอตอบว่า เคล็ดลับอยู่ที่ว่า เมื่อซาตานมาเคาะที่ประตูใจ เธอจะไม่
ตอบหรือถามมันแต่อย่างใด แต่เธอจะทูลขอให้พระเยซูคริสต์เป็นผู้
รับหน้าซาตาน ทูลพระองค์ว่า ขอพระองค์เป็นผู้เปิดประตู เพราะถ้า
เธอพบกับซาตานเองเดี๋ยวจะโดนมันหลอกเอาได้ และเมื่อพระเยซู
ทรงเปิดประตูเอง ซาตานเห็นพระองค์ก็จะตกใจรีบบอกว่า ขอโทษ
เคาะประตูผิด แล้วรีบเดินหนีไปเลย
เป็นข้อคิดในการทำศึกกับมารต้องพึ่งพระเจ้า ให้พระเยซูนำหน้าเรา

-เก็บตก-

คริสเตียน - ชีวิตใหม่ (หนอนกลายเป็นผีเสื้อ)

หนอนเป็นสัตว์ที่เลื้อยคลาน คืบไปตามดิน กินดิน กินใบไม้ ใบหญ้าบ้างก็กินของสกปรก วันหนึ่งหนอนของผีเสื้อ เปลี่ยนแปลงไป มันลอกคราบกลายเป็นผีเสื้อแสนสวยบินขึ้นสู่เบื้องสูง เลี้ยงชีวิตด้วยน้ำหวานจากดอกไม้ เมื่อไปเจอกำแพง หรืออุปสรรคใดขวางหน้า มันก็บินข้ามไปได้ ผีเสื้อจะมองโลกจากเบื้องบนเห็นโลกด้วยสายตาที่กว้างไกลกว่าเดิม ไม่แคบและอยู่ในระดับเรี่ย ๆ ดินเหมือนเก่าชีวิตเก่าของคริสเตียน เหมือนการใช้ชีวิตของหนอน เมื่อมีชีวิตใหม่ จิตวิญญาณจะเปลี่ยนแปลงไป จะสะอาด และมองโลกด้วยสายตาฝ่ายจิตวิญญาณ ท่าทีและการใช้ชีวิตต่างจากเดิม เช่นเมื่อมีปัญหา จะสรรเสริญพระเจ้า ไม่ขี้บ่นเหมือนเดิม ฯลฯ เป็นต้น


โคโลสี 3.10 โรม 12.2 2 โครินธ์ 3.18

การต่อสู้กับเนื้อหนัง

ชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ง่าย แต่อียิปต์ออกจากชนชาติอิสราเอลยาก ถ้าศึกษาพระคัมภีร์เดิม จะทราบว่าพระเจ้าเป็นผู้กระทำ เป็นผู้นำพวกอิสราเอลให้ออกจากอียิปต์ พวกเขาไม่ต้องต่อสู้ไม่ต้องขวนขวาย
แต่เมื่อออกมาแล้ว หลายครั้งที่ประสบความยากลำบาก พวกเขา
อยากกลับไปอียิปต์อีก พวกเขาคิดถึงต้นหอม คิดถึงกระเทียม คิดถึงแกง
คิดถึงพืชผักต่าง ๆ ในอียิปต์ อยากกลับไปตายที่อียิปต์ ทั้งที่พระเจ้า
เตรียมคานาอันที่อุดมสมบูรณ์ไว้ให้ พวกเขาไม่คิดถึง
พระเจ้าช่วยเราให้ออกจากสภาพชีวิตอย่างหนึ่ง เราจึงออกมาได้อย่างง่ายดายแต่สภาพของโลก ของเนื้อหนัง ของชีวิตเก่าเรายังไม่ยอมให้มันออกจาก
ชีวิตของเรา เราจึงยังคิดหันกลับไปทางเก่าอยู่เรื่อย
1 ทิโมธี 6.11

ซาตาน

มีข้อที่น่าชมเชยมารซาตานอยู่อย่างหนึ่งคือ มันขยันทำงานของมันจริง ๆ
มันตื่นอยู่เสมอ ในขณะที่คนงานของพระเจ้าส่วนใหญ่ หลับใหลเกียจคร้าน

-เก็บตก-

ซาตาน - อาวุธของมัน

มารทำให้เราไม่มีความสุข เป็นคนไร้ประโยชน์ และเสียสุขภาพโดยใช้
ความวิตกกังวล ความเกลียด ความกลัว ความผิดหวัง
การรีบร้อน และทิษฐิ เป็นอาวุธของมัน

-เก็บตก-

ซาตาน - จะเอาชนะได้อย่างไร

มีเด็กสาวคนหนึ่งรักพระเจ้ามาก และมีชีวิตที่สามารถมีชัยต่อการ ทดลองต่าง ๆ ได้ มีผู้สนใจอยากรู้ว่าเธอมีเคล็ดลับอะไร ก็มาถาม
เธอตอบว่า เคล็ดลับอยู่ที่ว่า เมื่อซาตานมาเคาะที่ประตูใจ เธอจะไม่
ตอบหรือถามมันแต่อย่างใด แต่เธอจะทูลขอให้พระเยซูคริสต์เป็นผู้
รับหน้าซาตาน ทูลพระองค์ว่า ขอพระองค์เป็นผู้เปิดประตู เพราะถ้า
เธอพบกับซาตานเองเดี๋ยวจะโดนมันหลอกเอาได้ และเมื่อพระเยซู
ทรงเปิดประตูเอง ซาตานเห็นพระองค์ก็จะตกใจรีบบอกว่า ขอโทษ
เคาะประตูผิด แล้วรีบเดินหนีไปเลย
เป็นข้อคิดในการทำศึกกับมารต้องพึ่งพระเจ้า ให้พระเยซูนำหน้าเรา

-เก็บตก-

Tuesday, January 11, 2011

ที่มาและจุดจบของมนุษย์

มนุษย์มาจากไหนและเรื่องราวของมนุษย์จะจบลงอย่างไร ทั้ง 2 คำถามนี้อยู่ในใจของมนุษย์ทุกคนทั้งในอดีต ปัจจุบันและคงจะอนาคตด้วย ซึ่งไม่มีคำตอบใดจุใจ หรือให้ความเชื่อมั่นได้เท่ากับหนังสือเล่มหนึ่ง เป็นเล่มแรกและเล่มเดียวในโลกที่เขียนเรื่องความเป็นมาของมนุษย์ตั้งแต่แรกเริ่มจนกระทั่งจบอย่างสมบูรณ์ และเรื่องที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องเป็นจริง
หนังสือเล่มนี้เป็นสัญญาผูกพันระหว่าง 2 ฝ่ายคือผู้ซึ่งเราเรียกว่ามนุษย์ เพื่อยืนยันให้มนุษย์เชื่อและไว้ใจในความรัก และการช่วยกู้ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์
หนังสือสัญญาเล่มนี้หรือที่เราเรียกว่าไบเบิ้ลหรือพระคริสตธรรมคัมภีร์บันทึกไว้ว่า

เมื่อเริ่มต้น พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่ง ทั้งฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลกกับสารพัดทั้งหมดที่อยู่บนโลก ต้นไม้ สัตว์น้ำ สัตว์บก สัตว์ทะเล ฯลฯ และมนุษย์ผู้ที่พระเจ้าทรงสร้างมาเพื่อให้ครอบครองจัดการทุกอย่างในโลก พระองค์สร้างมนุษย์ตามแบบอย่างของพระองค์เอง มีความสามารถมากมายซึ่งนักค้นคว้าบอกว่ามนุษย์ปัจจุบันใช้ความสามารถแค่ 1 ใน 10 ของที่มีอยู่เท่านั้น คอมพิวเตอร์ที่เราชื่นชมในความสามารถยังทำงานได้แค่ 1 ใน 100 ของสมองมนุษย์ คุณสมบัติอย่างอื่นๆ ที่มนุษย์เหมือนพระเจ้า คือมีวิญญาณรู้จักตัดสินใจ มีเสรีภาพทางความคิด มีอารมณ์ มีการิเริ่มสร้างสรรค์ มีความรัก และสำคัญที่สุดคือมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างอบอุ่น


เมื่อเริ่มแรกมนุษย์มีแต่ความดีงาม ความสุข ความบริบูรณ์ไม่ขาดตกบกพร่องเลยเพราะพระเจ้าสร้างมาให้เหมือนพระองค์ ทุกอย่างล้วนดีทั้งสิ้น

ต่อมา สิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นตัวอีกชนิดหนึ่งคือมารซึ่งเป็นวิญญาณชั่วตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้าและกับมนุษย์ที่พระเจ้ารัก ได้ล่อหลอกให้มนุษย์หลงทำผิดบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า และไม่ยอมรับผิดไม่ยอมกลับใจ แต่หลบหนี และแก้ตัวโยนความผิดให้คนอื่น จึงต้องรับโทษตามความผิดของตน
มนุษย์ขาดความสัมพันธ์กับพระเจ้าผู้ให้แต่สิ่งดีหันมาเป็นทาสของมาร อยู่ใต้อำนาจวิญญาณชั่วร้ายนี้เพราะยอมเชื่อฟังมัน เมื่อเราเชื่อฟังผู้ใดเราก็เป็นทาสของผู้นั้น มารซึ่งมีธรรมชาติทำแต่สิ่งเลวร้าย มันมาเพื่อลัก ฆ่า และทำลาย มันจึงทำทุกวิถีทางที่จะให้มนุษย์ทุกข์ยาก ลำบากขาดความสุข


แต่ พระเจ้าผู้สร้างได้ทำสัญญากับมนุษย์ที่ไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์นั้นว่าจะให้ผู้ช่วยมากู้มนุษย์พ้นจากอำนาจของมาร โดยพงศ์พันธุ์ของหญิง เพราะพระเจ้าทราบดีว่ามนุษย์ไม่อาจช่วยตัวเองให้หลุดจากเงื้อมมือมารได้
เมื่อมนุษย์คู่แรกคืออาดัม และเอวาทำบาปลูกหลานที่ออกมาภายหลังจึงเป็นพงศ์พันธุ์บาปมีธรรมชาติบาปติดตัว คือ สามารถทำบาปได้ง่ายกว่าทำดี และมารศัตรูตัวสำคัญก็คอยส่งเสริมสนับสนุนให้มนุษย์ทำความชั่วร้ายมากขึ้นๆ ทุกวัน มนุษย์ซึ่งเคยมีแต่ความดีงามจึงกลายเป็นมนุษย์ที่รู้จัก เกลียด โกรธ อิจฉา ตะกละ ทารุณ โหดร้าย ขาดความยับยั้งชั่งใจ ลูกของอาดัมและเอวาชื่อคาอินนั้นฆ่าแม้กระทั่งน้องชายของตนที่ชื่ออาแบลเพราะความริษยา

คนในชั่วอายุต่อๆ มาก็ทำบาปเลวร้ายต่อกันจนพระเจ้าต้องพิพากษาลงโทษ โดยกำหนดให้มีน้ำท่วมโลกกวาดล้างทุกชีวิตหมดสิ้นไปเหลือไว้ครอบครัวเดียวที่เป็นคนดียำเกรงเชื่อฟังพระเจ้า คือโนอาห์พระเจ้าบอกโนอาห์ล่วงหน้าไว้ 120 ปี เพื่อให้เตรียมตัวต่อเรือใหญ่และประกาศให้มนุษย์กลับใจเลิกทำบาปหันมาหาพระเจ้าแล้วจะรอดจากภัยน้ำท่วมนั้น

แต่ไม่มีใครเชื่อโนอาห์เลย 120 ปีต่อมาหลังจากพระเจ้าเตือนให้ทราบล่วงหน้าก็เกิดน้ำท่วมโลก ทุกอย่างตายหมด มีโนอาห์และครอบครัวกับสัตว์ที่โนอาห์ขนขึ้นไว้บนเรือเท่านั้นที่รอดชีวิต
มนุษย์ที่รอดจากภัยน้ำท่วมได้ออกลูกหลานเพิ่มปริมาณขึ้นอีกและพวกเขายังคงทำบาปต่อไป พระเจ้าสั่งให้พวกเขากระจายกันออกไปทั่วโลก แต่พวกเขากลับรวมตัวกันสร้างหอคอยสูง โดยจะให้ถึงสวรรค์เพราะความเย่อหยิ่ง อยากแสดงอำนาจเทียมพระเจ้า พระเจ้าจึงทำให้เขาพูดภาษาต่างๆ กันจนพูดไม่รู้เรื่อง ต้องแยกย้ายกันไปโดยปริยาย โลกนี้มีภาษามากมายหลายพันภาษา ซึ่งส่วนมากไม่มีหลักฐานที่มา และไม่ได้พัฒนาจากง่ายไปหายาก ตรงกันข้ามบางภาษาในปัจจุบันยังง่ายกว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนเสียอีก




ท่ามกลางมนุษย์ที่หลงเพลิดเพลินกับบาปความเลวทราม ในปีที่ 2000 ก่อนคริสตศักราช พระเจ้าทรงเรียกชายคนหนึ่งชื่ออับรามออกมาจากคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า และสัญญาว่าจะให้เขาเป็นชนชาติใหญ่ มีชื่อเสียงใหญ่โตเลื่องลือไป แล้วเขาจะช่วยให้ผู้อื่นได้รับพร พระเจ้าจะอวยพรแก่คนที่อวยพรเขา สาปแช่งคนที่สาปแช่งเขา เผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้พรเพราะเขา อับรามเชื่อฟังยอมเดินทางไปยังดินแดนที่พระเจ้ามอบให้ พระเจ้าสัญญาอีกว่า พงศ์พันธุ์ของอับรามจะมากมายเหมือนดาวบนฟ้า แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นอับราฮัม แปลว่า บิดาของประชาชาติมากมาย และแม้อับราฮัมจะอายุร้อยปี และภรรยาก็เป็นหมัน พระเจ้ายังบอกว่าจะให้นางคลอดบุตรผู้จะรับพระตามพันธสัญญานี้ ซึ่งเป็นจริงตามที่พระเจ้าสัญญา ครั้นบุตรของอับราฮัม ชื่อ อิสอัคโตขึ้น พระเจ้าลองใจโดยให้นำบุตรไปฆ่าถวายบูชาแด่พระเจ้าอับราฮัมทำตาม แต่ก่อนจะฆ่าพระเจ้าห้ามไว้ และอวยพรแก่เขาเพิ่มเติมโดยสัญญาว่า เชื้อสายของเขาจะได้ประตูเมืองศัตรูเป็นกรรมสิทธิ์ ประชาชาติทั่วโลกจะได้พรเพราะเชื้อสารของเขา
สัญญาของพระเจ้าเป็นจริงทุกประการ จากอิสอัคบุตรชายคนเดียวของอับราฮัมกลายมาเป็นชนชาติใหญ่คือ ชนชาติยิวหรืออิสราเอลและตลอดประวัติศาสตร์ของชาตินี้ พระเจ้าดูแลคุ้มครองและทำตามสัญญาของพระองค์เสมอ เพื่อโลกจะรู้ว่ามีพระเจ้าเที่ยงแท้ สัจจริงแต่ผู้เดียวผ่านทางชนชาตินี้



จากอิสอัคสืบเชื้อสายมาถึงโมเสสคนสำคัญในประวัติศาสตร์ยิวอยู่ในปี 1500 ก่อนคริสตศักราช พวกยิวขยายตัวขึ้นเป็นชาติๆ หนึ่ง และขณะนั้นอาศัยอยู่ในประเทศอียิปต์ในสภาพของทาส ชาวยิวผู้ทุกข์ยากกลับคิดถึงพระเจ้าผู้ช่วยกู้ชนชาติของพวกเขามาตลอด จึงร้องวิงวอนต่อพระองค์ พระเจ้าเรียกโมเสสมาช่วยนำชาวยิวพ้นจากทาส เข้าสู่ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ และพระเจ้าให้บัญญัติ คือ คำสั่ง 10 ข้อ สำหรับชาวยิวไว้ปฏิบัติ ซึ่งแท้จริงเป็นพื้นฐานหลักการดำเนินชีวิตของทุกคนมิใช่เฉพาะพวกยิวเท่านั้น บัญญัติประการแรกที่สำคัญที่สุดคือ “เราเป็นพระเจ้าของเจ้า อย่ามีพระเจ้าอื่นใดต่อหน้าเรา” ที่พระเจ้ากำหนดเช่นนี้เพื่อประโยชน์ของมนุษย์เพราะนอกจากพระเจ้าองค์นี้แล้วไม่มีพระอื่นใดช่วยมนุษย์ให้รดปลอดภัยมีชัยชนะเหนือมารได้เลย แต่มนุษย์ไม่เคยทำตามบัญญัติได้สำเร็จและไม่มีทางช่วยตนให้รอดพ้นจากความผิดบาปได้เอง



1500 ปีผ่านไป สัญญาของพระเจ้าที่บอกไว้เมื่อครั้งอาดัม และเอวาทำบาปว่าจะส่งผู้ช่วยมาโดยเกิดจางพงศ์พันธุ์ของหญิง และสัญญาที่ให้ไว้แก่อับราฮํมว่าประชาชาติจะได้รับพรเพราะเชื้อสายของเขาก็สำเร็จเป็นจริง คืพระเจ้าส่งพระบุตรของพระองค์มาเกิดเป็นมนุษย์ โดยพระวิญญาณของพระเจ้าส่งกระแสพลังงานเข้าไปในครรภ์ของหญิงพรหมจารีคนหนึ่งชื่อมารีย์ คลอดบุตรมาเป็นชายชื่อ เยซูแปลว่าผู้ช่วยให้รอด

 พระเยซูคริสต์ เป็นพระเจ้าที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์ และถูกลองใจเหมือนพวกเราทุกประการ แต่ถึงอย่างนั้นพระองค์ก็ไม่ได้ทำบาปเลยนั้นแหละจึงช่วยคนบาปให้รอดได้ มนุษย์ทั้งโลกช่วยกันไม่ได้ เพราะต่างก็ทำบาปล้วนสมควรตายด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนพระเยซูแม้ต้องมาเป็นมนุษย์มีสภาพถูกจำกัดทุกอย่างเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่พระองค์ยังคงเชื่อฟังพระเจ้า และทำทุกอย่างด้วยความเชื่อศรัทธาในพระเจ้า ไม่ละเมิดกฎใดๆ มารร้ายซึ่งมีธรรมชาติปกติคือต้องทำบาปจึงดลใจให้คนเอาพระเยซูไปฆ่าโดยพระองค์ยินยอมไม่ปริปากเลย





เมื่อพระเยซูสิ้นชีวิตบนไม้กางเขน นั้นแหละคือแผนการกู้โลกได้สำเร็จลง มารรายซึ่งทำชั่วทำบาปจนเหลิง ถึงขั้นฆ่าผู้บริสุทธิ์อย่างพระเยซู จึงต้องถูกปรับโทษ คำสัญญาที่พระเจ้าบอกอับราฮัมว่า เชื้อสายของเขาจะได้ประตูเมืองศัตรูเป็นกรรมสิทธิ์ก็สำเร็จสมบูรณ์ในพระเยซู ศัตรูของมนุษย์คือมารที่คอย ลัก ฆ่า ทำลาย คอยฉุดคนไปลงนรกร่วมกับมัน บัดนี้หมดอำนาจ เพราะพระเยซูได้เป็นขึ้นจากตายในวันที่สาม พระองค์ยึดประตูนรกไว้เป็นกรรมสิทธิ์ ความตายไม่มีชัยเหนือมนุษย์ที่เชื่อศรัทธาในพระองค์อีกต่อไป พระเยซูชนะเด็ดขาด และช่วยมนุษย์ให้พ้นอำนาจเลวร้ายของมารได้ ยิ่งกว่านั้นยังถ่ายทอดพลังอำนาจแก่ผู้เชื่อศรัทธาให้ปราบและกำจัดมารออกจากชีวิตของตนและผู้อื่นได้อีกด้วย คนที่เชื่อพระเยซูคริสต์จึงเป็นคนที่ตายจากตนเองแล้ว และบังเกิดใหม่ทางวิญญาณเกิดจากพระเจ้าไม่ทำบาป(ไม่มีเจตนาทำบาปอีกต่อไป) แต่พระบุตรของพระเจ้าได้คุ้มครองรักษาเขา และมารร้ายไม่แตะต้องเขาเลย ผู้ที่มีพระบุตรก็มีชีวิต ผู้ที่ไม่มีพระบุตรก็ไม่มีชีวิต ทุกคนที่เกิดจากพระเจ้าก็มีชัยต่อโลก และความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่ชนะโลก ใครเล่าชนะโลก ไม่ใช่คนอื่นคือผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้านั่นเอง




นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นความจริงสำหรับผู้เชื่อ ยังมีความจริงอีกประการหนึ่งซึ่งยังไม่เกิดขึ้นแต่ต้องสำเร็จแน่นอน คือพระเยซูคริสต์จะกลับ

มาปรากฏในโลกอีกครั้งรับผู้เชื่อทุกคนขึ้นไป และคนที่ไม่เชื่อต้องรับทุกข์ภัยซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้อยากตายก็ยังตายไม่ได้ในวาระสุดท้ายพระเจ้าทรงกำหนดวันพิพากษาเอาไว้ ผู้ที่เชื่อฟังพระเจ้าจะร่วมกับพระองค์พิพากษาโลก พิพากษาเทพทั้งหลาย เจ้าทั้งปวง มนุษย์ทุกคนจะถูกพิพากษาตามการกระทำของตน และถูกโยนทิ้งในบึงไฟนรกซึ่งมีไฟเผาอยู่ตลอดกาลร่วมกับมารและสมุนพรรคพวกของมัน


บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะเหยียบเจ้าตัวที่มันเคยเหยียบย่ำเรามาตลอด เราจะไม่ยอมหลุดจากทาสมาเป็นอิสระหรือพระเยซูคริสต์กล่าวว่า เราเป็นทางนั้นเป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดา(พระเจ้า) ได้นอกจากมาทางเรา.. ในผู้อื่นความรอด(การพ้นจากนรก พ้นอำนาจมาร และการชนะมาร)ไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า

 อ. เอ จิ จะนี
พระเจ้าทรงอวยพระพรอย่างมากมาย